April Snow (2005)
เรื่องย่อ ( เท่าที่จับใจความได้ )
เรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อคืนวันหนึ่ง
ln-su (BAE
Yong-joon)
ถูกแจ้งให้มาโรงพยาบาลโดยด่วนเนื่องจาก
ภรรยาเขาประสบอุบัติเหตุขับรถชนคนตายพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งชื่อ
Gyeong-ho ณ.ที่โรงพยาบาลเขาพบกับ
Seo-yong (SON
Ye-jin ) ภรรยาของ
Gyeong-ho
ต่างคนต่างนิ่งมองคู่ของตนเองที่อาการโคม่าพอกัน
ก่อนจะเลือกเก็บสมบัติของทั้งภรรยาและสามีตัวเองกลับไป
สมบัติที่เป็นตัวยืนยันหนักแน่น และเป็นหลักฐาน
ชิ้นเอกอันเผยถึงที่มาที่ไปว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์แนบแน่นแค่ไหน
ก่อนจะมานอนหายใจรวยรินที่โรงพยาบาล
แห่งนี้ด้วยกัน
ความจริง ... ของการถูกนอกใจ เป็นเรื่องที่ทั้ง 2
ไม่อาจยอมรับได้ง่ายๆ กับคนข้างกายที่เชื่อใจ
เสมอมา ความเสียใจแต่แรกที่มีจึงเท่าทวีกว่าความสูญเสียที่ได้รับ
และนั่นเป็นบ่อเกิดของความเหงา
ที่นำมาสู่ความเห็นใจ
และแปรเปลี่ยนเป็นความผูกพันในใจที่เกินเลยมากกว่าที่มันควรจะเป็น
แล้วในที่สุด
Su-ji ภรรยาของ ln-su
ก็ฟื้นลืมตาขึ้นมาได้ ในขณะที่สามีของอีกฝ่ายตายในเวลาต่อมา
เมื่อต่างต้องกลับมาเผชิญหน้ากับโลกแห่งความจริงอีกครั้ง
ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป บทสรุปของ
ทั้ง 2 จะเป็นอย่างไร??? อันนี้ คงต้องกลับติดตามจากหนังเอาเองนะคะ
^__^ ..
** Spoil สปอย **
( ถ้ายังไม่ได้ดูอย่าตามมานะคะ เดี๋ยวจะเสียรสชาติในการชมค่ะ
^_^ )
ดูหนังเกาหลีเรื่องนี้จบพร้อมกับกลิ่นอาย
In The mood for love
ของ Wong Kar Wai ที่ผุด
ขึ้นมาฉายวนซ้ำขึ้นในใจอีกครั้ง
.
ถ้าใครได้เคยมีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ของหว่องคงจะรู้สึกได้ถึงเนื้อหาและธีมของเรื่องที่ไม่หนีไปจากกัน
มากนัก จะต่างก็ตรงรสชาติความเศร้า ที่
In The mood ส่งให้กับผู้ชมได้บาดลึกถึงแก่นของอารมณ์
มากกว่า อาจจะเพราะด้วยเนื้อหาที่โยงใยแบบนี้เคยได้สัมผัสมาก่อนแล้ว
และอาจเพราะกลวิธีการนำเสนอ
ของกำแพงศีลธรรมที่บีบคั้นความถูกผิดในใจของ
April บางจนง่ายต่อการก้าวข้ามไปมากกว่า ผลสรุป
สุดท้ายถึงไม่เศร้าบาดใจเท่าใดนัก แม้การดำเนินเรื่อง บทพูด
รวมถึงดนตรีประกอบที่ใส่เข้ามาจะน้อย
พอๆ กันก็ตามที
.
ถ้าถามถึงความประทับใจ
เรื่องนี้บีบหัวใจได้ไม่เท่าครึ่งในความรู้สึก
อย่างที่บอกคือความเบาของ
การนอกใจที่เอามาเป็นเมนหลักในความสัมพันธ์ของเรื่องนั้น
มีน้ำหนักน้อยเกินไปที่จะทำให้คนดูรู้สึกว่า
ทั้งคู่ทำผิด เพราะรากฐานเกิดจากการถูกกระทำก่อน
ความสงสารและเอาใจช่วยจากคนดูจึงมีมากกว่า
ดังนั้น บรรยากาศของการข้ามกำแพงศีลธรรมจึงก้ำกึ่งระหว่างความถูกผิด
กับความเห็นใจ
ส่วนฉากโรแมนติคในเรื่องทำออกมาได้ดูศิลป์
และสวยมากกว่าจะสร้างอารมณ์เร่าร้อนเหมือน
หลายๆ เรื่องที่มีฉากทำนองนี้แทรกเข้ามา ซึ่งต้องยอมรับว่า
ไม่มากจนเลี่ยน หรือหวือหวาจนขัดตา
สับสนไปชั่วขณะว่า กำลังดูหนังโรแมนติค-ดราม่า หรือว่า
อีโรติคอยู่กันแน่
^^
สำหรับฉากบาดอารมณ์ซีนเดียวของเรื่อง ...
ขอยกให้เป็นฉากที่
Seo-yong แอบมอง ln-su
เดินเข้ามาในห้องพักที่ว่างเปล่าของตัวเองจากร้านกาแฟตรงข้ามโรงแรม
จวบจนกระทั่งเธอเดินลากกระเป๋า
ออกจากร้าน เดินย่ำไปตามถนนยามค่ำคืนอย่างอ้างว้างโดดเดี่ยว
.. มันเป็นฉากของการผสมผสานระหว่าง
ความดีใจที่เห็นเขายังคิดถึง กับความอาลัยครั้งสุดท้าย
ที่ต้องตัดใจเดินจากมา เมื่อภรรยาของเขาฟื้น ...
ถึงแม้หนังเกาหลีล่อแหลมศีลธรรมเรื่องนี้
จะไม่บีบคั้นอารมณ์มากเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าได้ครบอารมณ์
เศร้าเหงาโรแมนติค
ที่หลังดูจบแล้วต้องกลับมาถามย้ำถึง ความผิด
ของการนอกใจ ... ว่าแบบไหน
สมควรให้อภัยหรือที่จริงแล้ว .. ต่างก็เลวร้าย พอกัน??? ...
---------------------- *** The End of Review ***
---------------------
__ Yuuraya ___
Edit Writing : 24/12/2006
( ความคิดเห็น .. แม้เพียง 1 ประโยค เปรียบเสมือน " ไม้ขีด " ที่จุดต่อประกายไฟให้กับงานเขียนชิ้นต่อไป .. ขอบคุณค่ะ ^^ )
|